ตลอดปี 2556 กลยุทธ์ปลาใหญ่กินปลาเล็กถูกนำมาใช้ในการจำหน่ายถ่านหิน บริษัทขนาดใหญ่ใช้ต้นทุนทางด้านราคา (Cost Leader) มาเป็นยุทธวิธีทางการตลาดแบบถอนรากถอนโคน ทำให้ผู้ซื้อหรือผู้ใช้ถ่านหินได้รับอานิสงส์ไปด้วย

โดยจะเห็นได้ว่าราคาถ่านหินจำหน่ายปลีกในปี 2555 หรือเมื่อสองปีก่อน สูงกว่าปัจจุบันเกือบ 20% นั่นเป็นผลมาจาก 2 ประการสำคัญ ประการแรกคือคุณภาพของถ่านหินที่นำเข้ามาอาจจะมีคุณภาพต่ำลงกว่าเดิมทำให้ราคาซื้อต่ำลงและขายได้ในราคาที่ถูกลงนั่นเอง และอีกประการคือการใช้ปริมาณการสั่งซื้อที่มีมูลค่าสูง (Eco-Scale) มาเป็นตัวต่อรอง ทำให้ได้ราคาต้นทุนที่ถูกลง 

กระบวนการบริหารจัดการแบบใหม่เริ่มเป็นที่นิยม โดยผู้นำเข้าถ่านหินจะใช้การจ้าง OEM ในการบริหารจัดการการผลิต ทำให้ลดปัญหาต้นทุนด้านการบริหารจัดการในการผลิตลงได้ รวมถึงต้นทุนคงที่ต่างๆ จากการซื้อเครื่องจักร (Fix Cost) ซึ่งการทำกำไรเพียงเล็กน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์นี้ (Low Margin) ขายแบบมีกำไรน้อย แต่เน้นปริมาณและการปิดยอดขายกับลูกค้าให้ได้ บางครั้งอาจจะคล้ายๆ กับสุภาษิตไทยที่ว่า "ปิดประตูตีแมว" นั่งเอง แต่การที่จะปิดประตูตีแมวได้นั้นจะต้องเข้าบ้านแมวให้ได้ก่อน แล้วทำอย่างไรล่ะถึงจะเข้าบ้านได้? ยุทธวิธีทางด้านราคานั่นเองที่เป็นคำตอบของทางออกนี้ เพราะราคาถือเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น กลยุทธ์เหล่านี้จะทำให้บริษัทที่มีขนาดกลางและเล็กไม่สามารถยืนอยู่ได้ การผูกขาดตลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอีกด้วย